สาเหตุการแพร่ระบาดของโรคพืช
1.
พืชมีโรคติดมาด้วย
ควรหลีกเลี่ยงกิ่งที่เป็นโรคพืช หรือ
ท้องถิ่นที่มีโรคพืชระบาดรุนแรง
2.
สภาพดินที่ไม่เหมาะสม
เช่นดินที่มีสภาพเป็นกรด
ดินเปรี้ยว
ดินแน่น ดินตาย ทำให้การระบายน้ำไม่ดี ทำให้ระบบรากถูก
น้ำขัง
รากและดินขาดออกซิเจน
ทำให้เป็นโรครากเน่า
และโคนเน่าได้
3.
การใส่ปุ๋ยที่ผิดอัตราส่วน
ไม่พอเพียงกับระยะการเจริญเติบโต
หรือใช้ปุ๋ยผิดชนิด ใส่ปุ๋ยผิดตำแหน่ง ชิดใกล้ต้นพืชเกินไป
ทำให้พืชอ่อนแอ
เช่น
ได้รับปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไป
จะทำ
ให้พืชอ่อนแอ ง่ายแก่การถูกทำลายของโรคพืช และ ศัตรูพืช
ได้ง่าย ผลร่วงได้ ใบเหลือง ใบเล็ก
4.
การให้น้ำที่มากหรือน้อยเกินไป
หรือให้น้ำไม่ตรงตามความ
ต้องการของพืช
มีผลทำให้พืชอ่อนแอ
ดอกร่วง ผลร่วง
5.
การใช้สารเคมีผิดชนิด
หรือผิดประเภท
ทำให้โรคเกิดการ
ดื้อยา และอาจเป็นการเพิ่มโรคพืชได้
6.
ควรตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง
สมดุล
ดูสวยงาม
ไม่เป็นที่สะสม
ของโรคและแมลงให้อากาศถ่ายเทในทรงพุ่มได้ดี แสงแดดส่อง
ทั่วต้น และพื้นดินใต้ทรงพุ่ม เพื่อรักษาความชื้นให้เหมาะสม
ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
1.
ป้องกันกิ่ง
หรือต้นที่เป็นโรค
ไม่นำมาปลูก หากพบเห็นให้ตัดแต่งกิ่ง
แล้วนำเผาทำลาย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค
2.
ปรับค่า PH ความเป็นกรด
เป็นด่าง ให้เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด
และปรับ สภาพดินให้ดินร่วนซุย เป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่ดิน
และรากพืช
3.
ปลูกพืชหมุนเวียน
เพื่อตัดตอน วัฏจักร
ของโรคพืช ศัตรูพืช
4.
การให้ปุ๋ย
อาหารเสริม
อาหารสำรอง
ให้พอเพียงตามความต้องการ
ของพืช และถูกระยะการเจริญเติบโตของพืชด้วย
5.
ปรับค่า PH น้ำให้เหมาะสมกับพืช ควรมีค่า PH7 และให้น้ำที่พอเหมาะ
มีความชื้นเพียงพอ สามารถป้องกันเพลี้ยไฟได้ หากความชื้นมาก
เกินไป
จะเกิดเพลี้ยแป้ง เป็นต้น
น้ำขังบริเวณใต้โคนต้น
จะทำให้เกิด
โรครากเน่าได้ ควรจัดการระบบระบายน้ำให้ดี เพื่อลดการท่วมขังของน้ำ
6.
ตัดแต่งกิ่ง
รักษาทรงพุ่มให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และแสงแดดส่อง
ทั่วถึงพอประมาณเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาศัยเพาะพันธุ์เชื้อโรคและศัตรูพืช
7.
ฉีดพ่นสารเคมี สลับ
สารธรรมชาติ การทำเขตเกษตรกรรม เพื่อไม่ให้
โรคพืช ศัตรูพืช สร้างภูมิต้านทานได้ การใช้สารเคมี ต้องถูกประเภท
ใช้อย่างเหมาะสม ถูกเวลา จะสามารถควบคุม ป้องกันโรคพืชและ
ศัตรูพืชได้
2. ดินแน่น
3. ขาดธาตุอาหารเสริม
ต้นไม้ไม่ค่อยเจริญเติบโต
1.
ระบบรากน้อย
เนื่องจากรากไม่สามารถเดิน
หรือ แพร่กระจายตามเนื้อดินได้
2.
ปุ๋ยละลายไม่สามารถซึมลงดินให้รากพืช
ดูดซับอาหารได้เพียงพอกับความต้องการ
3. ทำให้รากกินปุ๋ยได้น้อย ต้นไม้ไม่แข็งแรง
ระบบน้ำ
1. ดินรดน้ำ น้ำไม่ซึมลงใต้ดิน ฤดูแล้ง
รดน้ำ เช้า เย็น ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง
2. ฤดูฝน
จะทำให้น้ำขังมีโอกาสทำให้เป็น
โรครากเน่า โรคโคนเน่า
3. ทำให้พืชเสียหาย การลงทุนค่าใช้จ่าย
ในด้านการดูแล สูงมาก
ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ย 100 บาทสูญเสีย 80 บาท ต้นไม้ ได้กิน 20 บาท
จากสภาพดังกล่าว
2.
ผลผลิตไม่มีคุณภาพ
3.
ทำให้โรคพืช
และศัตรูพืชรบกวนได้ง่าย
3.1
เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต
3.1.1 เกิดจากไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช
3.1.2
เกิดจากขาดธาตุอาหารเสริม
อาหารสำรอง
ทำให้ใบไม่สมบูรณ์
จะแสดงอาการผิดปกติของพืช
ในอาการต่างๆ เช่น ใบเหลือง ใบเล็ก ขอบใบไหม้
ผลร่วง ใบแห้ง
เนื้อเยื่อถูกทำลาย
จะเป็นโอกาสทำให้เชื้อราหลายชนิดเข้าทำลายซ้ำเติม
ทำให้การวินิจฉัยโรคพืชผิดพลาด
3.2
เกิดจากสิ่งมีชีวิต
เช่น เชื้อรา เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย
4.
เกิดจากสภาพภูมิอากาศ
5.
การลงทุนสูง
ผลผลิตตกต่ำ และไม่มีคุณภาพ
คือ ไม่คุ้มการลงทุน
ต้องตัดต้นไม่เก่าทิ้งแล้วปลูกต้นไม้อื่นทดแทน
เป็นวัฎจักรอยู่อย่างนี้ตลอดไป
แนวทางแก้ไขทั่วไป
1.
ดินเป็นกรด
ดินเปรี้ยว ดินแน่น ดินตาย
1.1
ใช้ปูนขาว ปูนมาน 2-3
ตันต่อไร่
1.2 ใช้ปุ๋ยคอก 1 2
ตันต่อไร่
1.3 ใช้ปุ๋ยหมัก 2-3 ตันต่อไร่
2.
ระบบราก
2.1 ราดน้ำยาเร่งรากทั่วไปตามท้องตลาด
3.
ฉีดฮอร์โมนต่างๆ
3.1 ฉีดฮอร์โมนเร่งดอก
3.2 ฉีดฮอร์โมนกันดอกร่วง
3.3 ฉีดฮอร์โมนบำรุงผล
3.4 ฉีดสารเคมีป้องกันโรคพืชและศัตรูพืช
แนวทางแก้ไข กับ
สารเพิ่มทรัพย์
1. สภาพดิน ดินเป็นกรด ดินเปรี้ยว ดินแน่น ดินตาย
1.1 ใช้สารเพิ่มทรัพย์หว่าน 3 กก.ต่อไร่
ปรับสภาพดินที่นา
1.2 ใช้สารเพิ่มทรัพย์ 1-3 กำมือ หว่านใต้และรอบทรงพุ่ม
1.3 ใช้โพลิเมอร์ เอส 10 cc. ผสมน้ำ 20 ลิตร
ราดใต้และรอบทรงพุ่ม
2. ระบบราก
2.1
สารเพิ่มทรัพย์เพิ่มราก 2-3 เท่า
2.2
รากพืชสามารถดูดอาหารได้มากเพียงพอกับความต้องการ
2.3
รากพืชจะสร้างฮอร์โมนต้านทานโรคพืชและศัตรูพืชได้ตาม
ธรรมชาติได้ถึง 80 %
3. ฉีดโพลิเมอร์
เอส สร้างความสมบูรณ์ให้กับพืช
เร่งดอก เร่งผล ลดการหลุดร่วงของดอกและผล
ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพ
ลดการลงทุน
ลักษณะของต้นไม้ที่สมบูรณ์ แข็งแรง
v ใบหนา เขียว เป็นมัน
v ไม่มีกิ่งแห้งตาย
v ลดการหลุดร่วงของดอกและผล